Featured image of post พระสูตรดอกบัวแห่งพระธรรมอันประเสริฐ บทว่าด้วยประตูสากลของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร: พลังแห่งความเมตตาและความปรารถนาของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และพลังแห่งการช่วยเหลือที่มีอยู่ทุกหนแห่ง รวมทั้งการสอนให้สรรพสัตว์ได้รับการปลดปล่อยและการคุ้มครองผ่านการระลึกถึงพระนามของพระองค์

พระสูตรดอกบัวแห่งพระธรรมอันประเสริฐ บทว่าด้วยประตูสากลของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร: พลังแห่งความเมตตาและความปรารถนาของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และพลังแห่งการช่วยเหลือที่มีอยู่ทุกหนแห่ง รวมทั้งการสอนให้สรรพสัตว์ได้รับการปลดปล่อยและการคุ้มครองผ่านการระลึกถึงพระนามของพระองค์

พระสูตรดอกบัวแห่งพระธรรมอันประเสริฐ บทว่าด้วยประตูสากลของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร: พลังแห่งความเมตตาและความปรารถนาของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และพลังแห่งการช่วยเหลือที่มีอยู่ทุกหนแห่ง รวมทั้งการสอนให้สรรพสัตว์ได้รับการปลดปล่อยและการคุ้มครองผ่านการระลึกถึงพระนามของพระองค์

พระสูตรดอกบัวแห่งพระธรรมอันประเสริฐ บทว่าด้วยประตูสากลของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (เรียกสั้นๆว่า บทว่าด้วยประตูสากล) กล่าวถึงพลังแห่งความปรารถนาอันยิ่งใหญ่และความศักดิ์สิทธิ์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรในการช่วยเหลือสรรพสัตว์ และอธิบายวิธีการได้รับการปลดปล่อยและความช่วยเหลือผ่านความศรัทธาและการระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร

สรุปประเด็นสำคัญของบทว่าด้วยประตูสากล

  1. พลังแห่งความเมตตาของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร:

    • สามารถช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้พ้นจากภัยอันตรายต่างๆ เช่น งูพิษ สัตว์ร้าย ภัยธรรมชาติ เป็นต้น
    • สามารถบรรเทาความทุกข์ในโลก รวมถึงความทุกข์จากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
  2. ปัญญาของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร:

    • มีปัญญาอันบริสุทธิ์และกว้างขวาง
    • สามารถส่องสว่างโลก ขจัดความมืดและอวิชชา
  3. พลังอิทธิฤทธิ์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร:

    • สามารถปรากฏกายช่วยเหลือสรรพสัตว์ในสิบทิศ
    • สามารถระงับภัยพิบัติ เช่น พายุและเพลิง
  4. อานิสงส์แห่งพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร:

    • การสวดระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจะได้รับการคุ้มครองและความช่วยเหลือ
    • ในยามอันตราย เช่น การฟ้องร้อง สงคราม สามารถคลี่คลายวิกฤตได้
  5. เสียงของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร:

    • เสียงของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรประเสริฐ เหนือกว่าเสียงทั้งปวงในโลก
    • เปรียบเสมือนเสียงพรหม เสียงคลื่นในมหาสมุทร และเสียงอันไพเราะอื่นๆ
  6. ศรัทธาและการเคารพบูชาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร:

    • ส่งเสริมให้ผู้คนมีศรัทธามั่นคงต่อพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ไม่ควรสงสัย
    • ควรระลึกถึงพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเสมอ และกราบไหว้บูชา
  7. อานิสงส์แห่งการฟังธรรม:

    • การฟังบทว่าด้วยพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจะได้รับบุญกุศลมหาศาล
    • เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสบทนี้ สรรพสัตว์มากมายเกิดความปรารถนาที่จะบรรลุพุทธภูมิ

บทพระสูตรนี้อธิบายถึงพระมหากรุณาธิคุณและพลังอันยิ่งใหญ่ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เน้นย้ำความสำคัญของการสวดระลึกถึงพระนามของพระองค์ และความศรัทธาต่อพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรที่จะนำมาซึ่งความปลอบประโลมและการคุ้มครอง นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงอานิสงส์อันประเสริฐที่จะได้รับจากการฟังและศึกษาพระสูตรนี้

วิดีโอสวดมนต์อ้างอิง

YPT68《觀世音菩薩-普門品頌》心靈音樂|休閒音樂|佛教音樂|禪修音樂|太極拳背景音樂>無痕加長珍藏版 -2小時

YPT68《觀世音菩薩-普門品頌》心靈音樂|休閒音樂|佛教音樂|禪修音樂|太極拳背景音樂>無痕加長珍藏版 -2小時 - YouTube

สวดมนต์วันสุดสัปดาห์: สวดมนต์เพื่ออุทิศบุญกุศลให้พ่อแม่และญาติมิตรที่รัก เพื่อความสุขและการหลุดพ้น วันนี้สวดพระสูตรหัวใจ บทว่าด้วยประตูสากล พระสูตรอมิตาภะ และพระสูตรเลงเยี่ยนเล่มที่เจ็ด

週末念經:為摯愛父母親人唸經,迴向安樂解脫。今日念誦心經、普門品、阿彌陀經,就,楞嚴經第七卷 - YouTube

พระสูตรว่าด้วยประตูสากลของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร (ฉบับสมบูรณ์)

ในขณะนั้น พระโพธิสัตว์อนันตมติลุกขึ้นจากที่นั่ง เปิดบ่าขวา ประนมมือกราบทูลพระพุทธเจ้าว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า เพราะเหตุใดพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจึงมีพระนามว่าอวโลกิเตศวร?” พระพุทธเจ้าตรัสตอบพระโพธิสัตว์อนันตมติว่า “กุลบุตร! หากมีสรรพสัตว์นับร้อยพันหมื่นล้านกำลังได้รับความทุกข์ทรมาน เมื่อได้ยินนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร แล้วตั้งจิตระลึกถึงพระนาม พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจะทรงสดับเสียงของพวกเขาในทันที และทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากความทุกข์ หากผู้ใดระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร แม้จะตกอยู่ในกองเพลิงใหญ่ ไฟก็ไม่อาจเผาผลาญได้ ด้วยอานุภาพแห่งพระโพธิสัตว์ หากถูกน้ำพัดพา เมื่อระลึกถึงพระนาม ก็จะพบที่ตื้น หากมีสรรพสัตว์นับร้อยพันหมื่นล้านแสวงหาทองเงิน แก้วไพฑูรย์ เพชรพลอย หินมีค่า ปะการัง อำพัน ไข่มุก และสมบัติอื่นๆ เข้าไปในมหาสมุทร แม้ว่าพายุร้ายจะพัดเรือไปยังดินแดนของยักษ์ หากในกลุ่มนั้นมีแม้เพียงคนเดียวที่ระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ทุกคนก็จะรอดพ้นจากภัยของยักษ์ ด้วยเหตุนี้จึงมีพระนามว่าอวโลกิเตศวร”

“หากมีผู้ที่กำลังจะถูกทำร้าย เมื่อระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร อาวุธที่ถูกถือไว้จะแตกสลายทันที และได้รับการปลดปล่อย หากในดินแดนสามพันมหาสหัสโลกธาตุเต็มไปด้วยยักษ์และอสูรที่ต้องการรังควานผู้คน เมื่อได้ยินผู้คนระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ยักษ์ร้ายเหล่านั้นยังไม่กล้าแม้แต่จะมองด้วยสายตาชั่วร้าย แล้วจะกล้าทำร้ายได้อย่างไร?” “หากมีผู้ใด ไม่ว่าจะมีความผิดหรือไม่มีความผิด ถูกล่ามโซ่ตรวน เมื่อระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร โซ่ตรวนทั้งหมดจะแตกสลาย และได้รับอิสรภาพ หากในดินแดนสามพันมหาสหัสโลกธาตุเต็มไปด้วยโจร มีพ่อค้าคนหนึ่งนำพ่อค้าทั้งหลายพร้อมสมบัติมีค่าเดินทางผ่านเส้นทางอันตราย มีคนหนึ่งในกลุ่มกล่าวว่า ‘กุลบุตรทั้งหลาย อย่าได้หวาดกลัว พวกท่านควรตั้งจิตระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร พระโพธิสัตว์องค์นี้สามารถมอบความไม่กลัวแก่สรรพสัตว์ หากพวกท่านระลึกถึงพระนาม จะรอดพ้นจากโจรเหล่านี้’ เมื่อพ่อค้าทั้งหลายได้ยิน ต่างพร้อมใจกันกล่าวว่า ‘นะโม อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์!’ ด้วยการระลึกถึงพระนาม พวกเขาจึงได้รับการปลดปล่อย”

“อนันตมติ! อานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรมหาสัตว์นั้นสูงส่งดังนี้ หากมีสรรพสัตว์ที่มีราคะมาก หมั่นระลึกถึงและเคารพบูชาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จะพ้นจากราคะ หากมีโทสะมาก หมั่นระลึกถึงและเคารพบูชาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จะพ้นจากโทสะ หากมีโมหะมาก หมั่นระลึกถึงและเคารพบูชาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จะพ้นจากโมหะ”

“อนันตมติ! พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรมีอานุภาพอันยิ่งใหญ่และให้ประโยชน์มากมายเช่นนี้ ดังนั้นสรรพสัตว์ควรระลึกถึงเสมอ หากมีสตรีที่ปรารถนาบุตรชาย กราบไหว้บูชาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จะได้บุตรชายที่มีบุญญาธิการและปัญญา หากปรารถนาบุตรสาว จะได้บุตรสาวที่งดงามมีลักษณะดี มีรากฐานแห่งคุณธรรม เป็นที่รักของผู้คน อนันตมติ! พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรมีอานุภาพเช่นนี้ หากสรรพสัตว์ใดเคารพกราบไหว้พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร บุญกุศลจะไม่สูญเปล่า ดังนั้นสรรพสัตว์ทั้งหลายควรรักษาพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร”

“อนันตมติ! หากมีผู้ใดรักษาพระนามของพระโพธิสัตว์หกสิบสองล้านองค์เท่ากับเม็ดทรายในแม่น้ำคงคา และถวายอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่นอน และยารักษาโรคตลอดชีวิต เจ้าคิดว่าอย่างไร? กุลบุตรและกุลธิดาผู้นั้นจะได้บุญมากหรือไม่?” อนันตมติทูลว่า “มากมาย พระผู้มีพระภาคเจ้า!” พระพุทธเจ้าตรัสว่า “หากมีผู้ใดรักษาพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร แม้เพียงครั้งเดียวและกราบไหว้บูชา บุญของคนทั้งสองเท่ากัน ไม่มีความแตกต่าง จะไม่สิ้นสุดแม้ในแสนโกฏิกัลป์ อนันตมติ! การรักษาพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจะได้รับอานิสงส์อันไม่มีประมาณเช่นนี้”

“อนันตมติ! พระโพธิสัตว์กราบทูลพระพุทธเจ้าว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรท่องเที่ยวไปในโลกธาตุนี้อย่างไร แสดงธรรมแก่สรรพสัตว์อย่างไร อุบายของพระองค์เป็นอย่างไร?”

พระพุทธเจ้าตรัสตอบพระโพธิสัตว์อนันตมติว่า “กุลบุตร! หากมีดินแดนที่สรรพสัตว์ควรได้รับการโปรดด้วยพุทธกาย พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจะแสดงพุทธกายและแสดงธรรม”

หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยกายพระปัจเจกพุทธเจ้า พระองค์จะแสดงกายพระปัจเจกพุทธเจ้าและแสดงธรรม
หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยกายพระสาวก พระองค์จะแสดงกายพระสาวกและแสดงธรรม
หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยกายพรหม พระองค์จะแสดงกายพรหมและแสดงธรรม
หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยกายพระอินทร์ พระองค์จะแสดงกายพระอินทร์และแสดงธรรม
หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยกายเทพอิสระ พระองค์จะแสดงกายเทพอิสระและแสดงธรรม
หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยกายมหาเทพอิสระ พระองค์จะแสดงกายมหาเทพอิสระและแสดงธรรม
หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยกายเทพแม่ทัพ พระองค์จะแสดงกายเทพแม่ทัพและแสดงธรรม
หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยกายท้าวเวสสุวรรณ พระองค์จะแสดงกายท้าวเวสสุวรรณและแสดงธรรม
หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยกายกษัตริย์น้อย พระองค์จะแสดงกายกษัตริย์น้อยและแสดงธรรม
หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยกายคหบดี พระองค์จะแสดงกายคหบดีและแสดงธรรม
หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยกายคฤหบดี พระองค์จะแสดงกายคฤหบดีและแสดงธรรม
หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยกายขุนนาง พระองค์จะแสดงกายขุนนางและแสดงธรรม
หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยกายพราหมณ์ พระองค์จะแสดงกายพราหมณ์และแสดงธรรม
หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยกายภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พระองค์จะแสดงกายภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาและแสดงธรรม
หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยกายสตรีของคหบดี คฤหบดี ขุนนาง พราหมณ์ พระองค์จะแสดงกายสตรีและแสดงธรรม
หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยกายเด็กชายเด็กหญิง พระองค์จะแสดงกายเด็กชายเด็กหญิงและแสดงธรรม
หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยกายเทวดา นาค ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร ครุฑ กินนร มโหรคะ มนุษย์และอมนุษย์ พระองค์จะแสดงกายเหล่านั้นและแสดงธรรม
หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยกายวัชรปาณี พระองค์จะแสดงกายวัชรปาณีและแสดงธรรม

“อนันตมติ! พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรสำเร็จคุณธรรมเช่นนี้ ด้วยรูปกายต่างๆ ท่องเที่ยวไปในดินแดนทั้งหลาย ช่วยให้สรรพสัตว์หลุดพ้น ดังนั้นพวกเจ้าควรตั้งจิตบูชาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรมหาสัตว์สามารถมอบความไม่กลัวในยามภัยพิบัติและความทุกข์ยาก ดังนั้นในโลกธาตุนี้จึงขนานนามว่าผู้ให้ความไม่กลัว”

พระโพธิสัตว์อนันตมติกราบทูลพระพุทธเจ้าว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า บัดนี้ข้าพระองค์จะบูชาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร” แล้วถอดสร้อยไข่มุกอันประดับด้วยรัตนะมีค่าแสนตำลึงทองจากคอ มอบให้พร้อมกล่าวว่า “ท่านผู้เจริญ โปรดรับสร้อยรัตนะอันเป็นธรรมบรรณาการนี้” ขณะนั้นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรไม่ยอมรับ อนันตมติจึงกราบทูลพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรอีกว่า “ท่านผู้เจริญ โปรดเมตตาพวกข้าพเจ้า รับสร้อยนี้ด้วยเถิด” ขณะนั้นพระพุทธเจ้าตรัสกับพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรว่า “เพื่อเมตตาต่ออนันตมติโพธิสัตว์และพุทธบริษัทสี่ เทวดา นาค ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร ครุฑ กินนร มโหรคะ มนุษย์และอมนุษย์ทั้งหลาย เจ้าจงรับสร้อยนี้เถิด”

ทันใดนั้นพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเมตตาต่อพุทธบริษัทสี่และเทวดา นาค มนุษย์และอมนุษย์ทั้งหลาย จึงรับสร้อยนั้น แบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งถวายพระพุทธเจ้าศากยมุนี อีกส่วนหนึ่งถวายพระสถูปของพระพุทธเจ้าพระนามว่าพระพหุรัตนะ “อนันตมติ! พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรมีอิทธานุภาพอันอิสระเช่นนี้ ท่องเที่ยวไปในโลกธาตุนี้”

ขณะนั้นพระโพธิสัตว์อนันตมติได้กราบทูลถามด้วยคาถาว่า

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงพระลักษณะอันประเสริฐ ข้าพระองค์ขอทูลถามอีกครั้ง
เพราะเหตุใดพุทธบุตรองค์นี้ จึงมีนามว่าอวโลกิเตศวร
พระผู้ทรงพระลักษณะอันประเสริฐ ตรัสตอบด้วยคาถาแก่อนันตมติ
จงฟังการปฏิบัติของอวโลกิเตศวร ผู้ตอบสนองอย่างดีในทุกทิศ
ปณิธานอันยิ่งใหญ่ลึกดั่งมหาสมุทร ผ่านกัลป์นับไม่ถ้วน
ปรนนิบัติพระพุทธเจ้าหลายพันโกฏิองค์ ตั้งปณิธานอันบริสุทธิ์ยิ่งใหญ่
เราจะกล่าวโดยย่อแก่เจ้า การได้ยินพระนามและเห็นพระองค์
จิตที่ระลึกถึงไม่สูญเปล่า สามารถดับทุกข์ทั้งปวง
แม้มีผู้ประสงค์ร้าย ผลักลงในกองเพลิงใหญ่
ด้วยพลังแห่งการระลึกถึงอวโลกิเตศวร กองเพลิงจะกลายเป็นสระน้ำ
หรือลอยล่องในมหาสมุทร ประสบภัยจากมังกร ปลา และปีศาจ
ระลึกถึงพลังแห่งอวโลกิเตศวร คลื่นไม่อาจท่วมทับได้
หรืออยู่บนยอดเขาพระสุเมรุ ถูกผู้คนผลักตกลงมา 
ระลึกถึงพลังแห่งอวโลกิเตศวร จะลอยอยู่ในอากาศดั่งดวงอาทิตย์
หรือถูกคนชั่วไล่ล่า ตกลงบนภูเขาเพชร
ระลึกถึงพลังแห่งอวโลกิเตศวร แม้แต่เส้นขนก็ไม่เป็นอันตราย
หรือถูกโจรร้ายล้อมไว้ ต่างถือดาบจะทำร้าย
ระลึกถึงพลังแห่งอวโลกิเตศวร พวกเขาจะเกิดจิตเมตตาขึ้นมาทันที
หรือประสบความทุกข์จากราชภัย ใกล้จะถูกประหารชีวิต
ระลึกถึงพลังแห่งอวโลกิเตศวร ดาบจะแตกเป็นชิ้นๆ
หรือถูกจองจำด้วยโซ่ตรวน มือเท้าถูกพันธนาการ
ระลึกถึงพลังแห่งอวโลกิเตศวร จะได้รับการปลดปล่อยในทันที
หรือถูกคำสาปและยาพิษ ที่จะทำร้ายร่างกาย
ระลึกถึงพลังแห่งอวโลกิเตศวร พิษจะย้อนกลับไปหาผู้ทำ
หรือพบยักษ์ร้าย พญานาคพิษ และปีศาจต่างๆ
ระลึกถึงพลังแห่งอวโลกิเตศวร ไม่มีใครกล้าทำร้าย
หากถูกสัตว์ร้ายล้อมรอบ เขี้ยวและกรงเล็บน่าสะพรึงกลัว
ระลึกถึงพลังแห่งอวโลกิเตศวร จะวิ่งหนีไปไกลแสนไกล
งูพิษและแมงป่อง พ่นพิษเป็นควันไฟ
ระลึกถึงพลังแห่งอวโลกิเตศวร จะหันหลังกลับไปเอง
เมฆฟ้าคำราม ฟ้าแลบ ลูกเห็บตก ฝนห่าใหญ่
ระลึกถึงพลังแห่งอวโลกิเตศวร ทุกอย่างจะสลายไปในทันที
เหล่าสรรพสัตว์ถูกความทุกข์คุกคาม ความทรมานนับไม่ถ้วนรุมเร้ากาย
ด้วยปัญญาอันวิเศษของอวโลกิเตศวร สามารถช่วยทุกข์ในโลกได้
ทรงมีอิทธิฤทธิ์สมบูรณ์ ใช้ปัญญาและอุบายกว้างไกล
ในพุทธเกษตรทั้งสิบทิศ ไม่มีที่ใดที่ไม่แสดงกาย
ในทุคติภพต่างๆ นรก เปรต และสัตว์เดรัจฉาน
ความทุกข์จากเกิด แก่ เจ็บ ตาย ค่อยๆ ดับสิ้นไป
การมองที่แท้จริง การมองที่บริสุทธิ์ การมองด้วยปัญญาอันกว้างใหญ่
การมองด้วยความเมตตาและกรุณา ปรารถนาและเฝ้ามองอยู่เสมอ
แสงสว่างอันบริสุทธิ์ไร้มลทิน ดวงอาทิตย์แห่งปัญญาทำลายความมืด
สามารถปราบภัยพิบัติจากลมและไฟ ส่องสว่างไปทั่วโลก
เสียงฟ้าร้องแห่งความกรุณาและศีล เมฆแห่งความเมตตาอันวิเศษและยิ่งใหญ่
โปรยน้ำอมฤตแห่งธรรม ดับไฟแห่งกิเลส
ในศาลและสถานที่พิพากษา ในกองทัพที่น่าหวาดกลัว
ระลึกถึงพลังแห่งพระอวโลกิเตศวร ศัตรูทั้งปวงจะหนีกระเจิง
เสียงอันวิเศษของพระอวโลกิเตศวร เสียงพรหม เสียงคลื่นในมหาสมุทร
เหนือกว่าเสียงทั้งปวงในโลก ดังนั้นควรระลึกถึงเสมอ
ระลึกถึงโดยไม่สงสัย พระอวโลกิเตศวรผู้บริสุทธิ์
ในความทุกข์ ความกังวล และความตาย สามารถเป็นที่พึ่งได้
ประกอบด้วยคุณความดีทั้งปวง มองสรรพสัตว์ด้วยดวงตาแห่งเมตตา
มหาสมุทรแห่งบุญไม่มีประมาณ ดังนั้นควรน้อมคำนับ

ในขณะนั้น พระโพธิสัตว์ธรณีทรงลุกขึ้นจากที่ประทับ กราบทูลพระพุทธเจ้าว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาค หากมีสรรพสัตว์ได้ฟังบทว่าด้วยพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรนี้ และได้เห็นการแสดงอิทธิฤทธิ์อันเป็นประตูสากลของพระองค์ พึงรู้ว่าผู้นั้นมีบุญไม่น้อย” เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสบทประตูสากลนี้จบลง ในที่ประชุมมีสรรพสัตว์แปดหมื่นสี่พันชีวิตต่างเกิดจิตมุ่งสู่พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณอันไม่มีสิ่งใดเทียบเท่า

บทแปลภาษาง่ายของบทว่าด้วยประตูสากลของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร

ในขณะนั้น พระโพธิสัตว์อนันตมติลุกขึ้นจากที่นั่ง เปิดบ่าขวา ประนมมือไปทางพระพุทธเจ้าและกล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า เพราะเหตุใดพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจึงมีพระนามว่าอวโลกิเตศวร?” พระพุทธเจ้าตรัสตอบพระโพธิสัตว์อนันตมติว่า “กุลบุตรผู้ดี! หากมีสรรพสัตว์นับไม่ถ้วนกำลังประสบความทุกข์ทรมาน เมื่อได้ยินชื่อของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และระลึกถึงพระนามด้วยจิตที่มุ่งมั่น พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจะทรงสดับเสียงของพวกเขาในทันที และพวกเขาทั้งหมดจะได้รับการปลดปล่อย หากผู้ใดระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร แม้จะตกอยู่ในไฟใหญ่ ไฟก็ไม่อาจเผาผลาญได้ ด้วยอานุภาพแห่งพระโพธิสัตว์ หากถูกน้ำใหญ่พัดพา เมื่อระลึกถึงพระนาม ก็จะพบที่ตื้น หากมีสรรพสัตว์นับแสนนับล้านแสวงหาทอง เงิน แก้วไพฑูรย์ เปลือกหอย หินมณี ปะการัง อำพัน ไข่มุก และสมบัติอื่นๆ และเข้าสู่มหาสมุทร สมมติว่าลมร้ายพัดเรือของพวกเขาไปยังดินแดนของยักษ์ หากมีแม้เพียงคนเดียวในกลุ่มระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร คนทั้งหมดจะได้รับการปลดปล่อยจากภัยของยักษ์ ด้วยเหตุนี้จึงมีพระนามว่าอวโลกิเตศวร”

นานมาแล้ว ในดินแดนพุทธเกษตรอันงดงาม มีพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งนามว่าอนันตมติ วันหนึ่ง ท่านเกิดความสงสัยขึ้นในใจ จึงลุกขึ้นและถามพระพุทธเจ้าด้วยความเคารพว่า:

“ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระองค์สงสัยมานานแล้ว เหตุใดพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจึงมีพระนามเช่นนี้?”

พระพุทธเจ้าทรงยิ้มและตรัสตอบว่า “ลูกที่ดี ให้เราเล่าเรื่องราวเบื้องหลังพระนามนี้ให้ฟัง”

พระพุทธเจ้าทรงเริ่มเล่าว่า “ในโลกนี้ มีสรรพสัตว์มากมายที่กำลังประสบความทุกข์ เมื่อพวกเขาระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยความจริงใจ พระองค์จะทรงได้ยินเสียงของพวกเขาทันที และช่วยให้พวกเขาพ้นจากความทุกข์”

“ลองจินตนาการดู” พระพุทธเจ้าตรัสต่อ “หากมีผู้ใดพลัดตกลงไปในกองเพลิง เพียงแค่ระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยความจริงใจ เปลวเพลิงก็ไม่อาจทำอันตรายเขาได้ นี่คืออานุภาพอันน่าอัศจรรย์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร!”

“หรือ” พระพุทธเจ้าทรงยกตัวอย่างอีก “หากมีผู้ใดถูกน้ำท่วมพัดพา เมื่อระลึกถึงพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรในยามคับขัน เขาก็จะพบที่ตื้นที่ปลอดภัย”

พระพุทธเจ้าตรัสอีกว่า “แม้แต่ในมหาสมุทร หากมีผู้คนนับพันนับหมื่นออกเรือไปหาสมบัติ แล้วพบพายุร้าย เรือถูกพัดไปยังเกาะยักษ์กินคน หากมีเพียงคนเดียวบนเรือระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ทุกคนก็จะรอดพ้นจากอันตราย”

สุดท้าย พระพุทธเจ้าทรงสรุปว่า “เพราะพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรทรงได้ยินเสียงเรียกร้องของสรรพสัตว์และประทานความช่วยเหลือ เราจึงเรียกพระองค์ว่า ‘อวโลกิเตศวร’”

“หากมีผู้ใดกำลังจะถูกทำร้าย เมื่อระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร อาวุธที่จะทำร้ายเขาจะแตกสลายทันที และเขาจะได้รับการปลดปล่อย หากในดินแดนสามพันโลกธาตุเต็มไปด้วยยักษ์และอสูรที่ต้องการทำร้ายผู้คน เมื่อได้ยินผู้ใดระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ยักษ์ร้ายเหล่านั้นยังไม่กล้าแม้แต่จะมองด้วยสายตาชั่วร้าย แล้วจะกล้าทำร้ายได้อย่างไร?” “แม้แต่ผู้ที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวน ไม่ว่าจะมีความผิดหรือไม่มีความผิด เมื่อระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร โซ่ตรวนทั้งหมดจะแตกสลาย และเขาจะได้รับอิสรภาพ หากในดินแดนสามพันโลกธาตุเต็มไปด้วยโจร และมีหัวหน้าพ่อค้าพาพ่อค้าทั้งหลายขนสมบัติผ่านเส้นทางอันตราย หากมีคนหนึ่งในกลุ่มกล่าวว่า ‘ท่านผู้เป็นกัลยาณมิตรทั้งหลาย อย่าได้กลัวเลย พวกเราควรระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยจิตที่มุ่งมั่น พระองค์สามารถประทานความไม่กลัวแก่สรรพสัตว์ หากพวกเราระลึกถึงพระนาม เราจะพ้นจากโจรเหล่านี้’ เมื่อพ่อค้าทั้งหลายได้ยินดังนั้น พวกเขาก็พร้อมใจกันกล่าวว่า ‘นะโม อวโลกิเตศวราย โพธิสัตตวายะ’ ด้วยการระลึกถึงพระนามเช่นนี้ พวกเขาจึงได้รับการปลดปล่อย”

พระพุทธเจ้าทรงเล่าต่อถึงอานุภาพอันน่าอัศจรรย์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร พระสุรเสียงของพระองค์เปี่ยมด้วยความเมตตาและปัญญา:

“ลองจินตนาการดู” พระพุทธเจ้าตรัส “หากมีผู้ใดกำลังเผชิญอันตรายถึงชีวิต มีคนร้ายถือดาบหรือไม้กระบองจะทำร้าย ในเวลานั้น หากเขาระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยความจริงใจ อาวุธเหล่านั้นจะแตกสลายทันที ไม่สามารถทำร้ายเขาได้”

“แม้แต่ในอาณาจักรอันกว้างใหญ่” พระพุทธเจ้าตรัสต่อ “ที่เต็มไปด้วยอมนุษย์ที่ต้องการทำร้ายผู้คน แต่เมื่อได้ยินผู้ใดระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร อมนุษย์เหล่านั้นไม่กล้าแม้แต่จะมองด้วยสายตาดุร้าย แล้วจะกล้าทำร้ายได้อย่างไร”

พระพุทธเจ้าทรงยกตัวอย่างอีก: “บางครั้ง ไม่ว่าผู้ใดจะมีความผิดหรือไม่มีความผิด อาจถูกจองจำในคุก ถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน หากเขาระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยความจริงใจ โซ่ตรวนเหล่านั้นก็จะแตกสลายทันที และเขาจะได้รับอิสรภาพ”

จากนั้น พระพุทธเจ้าทรงเล่าเรื่องที่น่าสนใจ: “ลองจินตนาการว่ามีพ่อค้ากลุ่มหนึ่ง นำสมบัติล้ำค่าเดินทางผ่านเส้นทางอันตราย บนเส้นทางนั้นเต็มไปด้วยโจร ในเวลานั้น พ่อค้าที่ฉลาดคนหนึ่งกล่าวกับทุกคนว่า:

‘เพื่อนๆ อย่ากลัวเลย! มาระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยกันเถิด พระองค์จะประทานความกล้าหาญและช่วยให้เราพ้นจากอันตราย’”

“แล้ว” พระพุทธเจ้าตรัส “พ่อค้าทั้งหมดก็พร้อมใจกันเปล่งวาจาว่า:

‘นะโม อวโลกิเตศวราย โพธิสัตตวายะ!’”

“ด้วยเหตุนี้” พระพุทธเจ้าทรงยิ้มตรัส “พวกเขาจึงผ่านพ้นอันตรายและพ้นจากการคุกคามของโจร”

“อนันตมติ! อานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรมหาสัตว์นั้นน่าเกรงขาม หากสรรพสัตว์ผู้มีราคะมาก หมั่นระลึกถึงและเคารพบูชาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ก็จะพ้นจากราคะ หากมีความโกรธมาก หมั่นระลึกถึงและเคารพบูชาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ก็จะพ้นจากความโกรธ หากมีความหลงมาก หมั่นระลึกถึงและเคารพบูชาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ก็จะพ้นจากความหลง”

พระพุทธเจ้าทรงเล่าต่อแก่พระโพธิสัตว์อนันตมติถึงอานุภาพอันน่าอัศจรรย์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร พระสุรเสียงของพระองค์เปี่ยมด้วยความชื่นชมและเมตตา:

“อนันตมติ” พระพุทธเจ้าตรัสอย่างอ่อนโยน “อานุภาพของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรนั้นยิ่งใหญ่นัก น่าเกรงขามยิ่ง”

จากนั้น พระพุทธเจ้าทรงอธิบายว่า: “ในโลกของเรา มีผู้คนมากมายที่ถูกความทุกข์รบกวนอยู่เสมอ”

“ตัวอย่างเช่น” พระพุทธเจ้าทรงยกตัวอย่าง “บางคนถูกความปรารถนารบกวนอยู่เสมอ ไม่สามารถตั้งใจทำสิ่งใดได้ แต่หากพวกเขาหมั่นระลึกถึงพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เคารพบูชาพระองค์ด้วยความจริงใจ ทีละน้อย พวกเขาก็จะพ้นจากความปรารถนาที่รบกวนนั้น”

“หรือ” พระพุทธเจ้าตรัสต่อ “บางคนมีอารมณ์ร้าย โกรธง่าย หากพวกเขาหมั่นระลึกถึงพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เคารพบูชาพระองค์ด้วยความจริงใจ อารมณ์ของพวกเขาก็จะดีขึ้น ไม่โกรธง่ายเหมือนเดิม”

“และบางคน” พระพุทธเจ้าตรัสอีก “มักสับสน ไม่เข้าใจเหตุผล หากพวกเขาหมั่นระลึกถึงพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เคารพบูชาพระองค์ด้วยความจริงใจ จิตใจของพวกเขาก็จะแจ่มชัดขึ้น เข้าใจเหตุผลในโลกได้ดีขึ้น”

พระดำรัสของพระพุทธเจ้าทำให้ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นรู้สึกประทับใจอย่างลึกซึ้ง พวกเขาเข้าใจแล้วว่า เพียงแค่มีศรัทธาและเคารพพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยความจริงใจ ก็จะได้รับความคุ้มครองจากพระองค์ ช่วยให้พวกเขาเอาชนะความยากลำบากและความทุกข์ต่างๆ ได้ สิ่งนี้ไม่เพียงทำให้พวกเขาเคารพพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรอย่างลึกซึ้ง แต่ยังทำให้พวกเขามีความมั่นใจในหนทางแห่งการปฏิบัติของตนเองด้วย

“อนันตมติ! พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรมีพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ และให้ประโยชน์มากมาย ดังนั้นสรรพสัตว์ควรระลึกถึงพระองค์เสมอ หากสตรีใดปรารถนาบุตรชาย เมื่อกราบไหว้บูชาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จะได้บุตรชายที่มีบุญและปัญญา หากปรารถนาบุตรหญิง จะได้บุตรหญิงที่งดงามมีลักษณะดี มีรากฐานแห่งคุณธรรม เป็นที่รักและเคารพของผู้คน อนันตมติ! พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรมีพลังเช่นนี้ หากสรรพสัตว์ใดเคารพกราบไหว้พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร บุญจะไม่สูญเปล่า ดังนั้นสรรพสัตว์ทั้งปวงควรรับและรักษาพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร”

พระพุทธเจ้าทรงเล่าต่อแก่พระโพธิสัตว์อนันตมติถึงพลังอันน่าอัศจรรย์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร พระสุรเสียงของพระองค์เปี่ยมด้วยความรักและปัญญา:

“อนันตมติ” พระพุทธเจ้าตรัสพร้อมรอยยิ้ม “พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรมีพลังอิทธิฤทธิ์อันยิ่งใหญ่เช่นนี้ สามารถช่วยเหลือผู้คนมากมาย ดังนั้น ทุกคนควรระลึกถึงพระโพธิสัตว์อยู่เสมอ”

จากนั้น พระพุทธเจ้าตรัสถึงเรื่องที่น่าสนใจ: “เธอรู้ไหม? หากสตรีคนใดปรารถนาบุตรชาย เพียงแค่สวดอธิษฐานต่อพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยความจริงใจ เคารพบูชาพระองค์ นางก็จะได้บุตรชายที่มีบุญและฉลาด!”

“เช่นเดียวกัน” พระพุทธเจ้าตรัสต่อ “หากผู้ใดปรารถนาบุตรหญิง ผ่านการกราบไหว้พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร นางก็จะได้บุตรหญิงที่งดงามน่ารัก เป็นที่รักของทุกคน บุตรหญิงนี้จะมีคุณธรรมงดงาม เป็นที่รักและเคารพของทุกคน”

พระพักตร์ของพระพุทธเจ้าเปี่ยมด้วยความเมตตา ตรัสว่า: “อนันตมติ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรมีพลังอันน่าอัศจรรย์เช่นนี้จริงๆ”

“ดังนั้น” พระพุทธเจ้าตรัสสรุป “หากผู้ใดเคารพกราบไหว้พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ความตั้งใจของพวกเขาจะไม่สูญเปล่า พวกเขาจะได้รับประโยชน์อย่างแน่นอน”

สุดท้าย พระพุทธเจ้าตรัสอย่างจริงจัง: “ด้วยเหตุนี้ เราขอแนะนำให้ทุกคนจดจำพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร สวดระลึกถึงอยู่เสมอ ด้วยวิธีนี้ ทุกคนจะได้รับการคุ้มครองและความช่วยเหลือจากพระโพธิสัตว์”

เมื่อได้ฟังพระดำรัสของพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์อนันตมติและทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างซาบซึ้งในพระเมตตาและพลังของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรอย่างลึกซึ้ง พวกเขาเข้าใจว่า เพียงแค่มีศรัทธาและเคารพพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรอย่างจริงใจ ไม่ว่าจะพบเจอความยากลำบากใด ก็จะได้รับความช่วยเหลือจากพระองค์ สิ่งนี้ทำให้พวกเขาเต็มเปี่ยมด้วยความหวังและความเชื่อมั่นในอนาคต

“อนันตมติ! หากผู้ใดจดจำพระนามของพระโพธิสัตว์หกสิบสองพันล้านองค์ เท่ากับเม็ดทรายในแม่น้ำคงคา และถวายอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่นอน และยารักษาโรคตลอดชีวิต เจ้าคิดว่าอย่างไร? กุลบุตรและกุลธิดาผู้นี้จะได้บุญมากหรือไม่?” อนันตมติทูลว่า “มากมายนัก พระผู้มีพระภาคเจ้า!” พระพุทธเจ้าตรัสว่า “หากมีผู้อื่นจดจำพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร แม้เพียงครั้งเดียวกราบไหว้บูชา บุญของคนทั้งสองนี้เท่ากัน ไม่แตกต่างกัน แม้ผ่านไปแสนโกฏิกัลป์ก็ไม่สิ้นสุด อนันตมติ! การจดจำพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร จะได้อานิสงส์แห่งบุญอันมากมายมหาศาลเช่นนี้”

พระพุทธเจ้าทรงอธิบายต่อแก่พระโพธิสัตว์อนันตมติ ครั้งนี้พระองค์ทรงใช้อุปมาที่น่าสนใจเพื่ออธิบายถึงพลังอันน่าอัศจรรย์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร:

“อนันตมติ” พระพุทธเจ้าตรัส “ลองจินตนาการดู หากมีผู้หนึ่งจดจำพระนามของพระโพธิสัตว์จำนวนมากเท่าเม็ดทรายในแม่น้ำคงคาหกสิบสองพันล้านองค์ และถวายอาหารอร่อย เสื้อผ้างดงาม เตียงนอนที่สบาย และยารักษาโรคต่างๆ ตลอดชีวิต เจ้าคิดว่าผู้นั้นจะได้บุญมากเพียงใด?”

พระโพธิสัตว์อนันตมติครุ่นคิดแล้วทูลอุทานว่า: “โอ! พระผู้มีพระภาคเจ้า นั่นต้องเป็นบุญมหาศาลอย่างแน่นอน!”

พระพุทธเจ้าทรงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม แล้วตรัสว่า: “แต่ถ้ามีอีกคนหนึ่ง เพียงแค่จดจำพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร แม้เพียงชั่วครู่กราบไหว้บูชา เจ้ารู้หรือไม่?”

“บุญของคนทั้งสองนี้เท่ากันเลย!” พระพุทธเจ้าตรัส “และบุญนี้ยิ่งใหญ่เหลือเกิน แม้ผ่านไปนานเท่าใดก็ใช้ไม่หมด!”

พระเนตรของพระพุทธเจ้าเปล่งประกายแห่งปัญญา พระองค์ตรัสสรุปว่า: “อนันตมติ ดูสิ เพียงแค่จดจำและสวดระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยความจริงใจ ก็จะได้บุญมหาศาลที่ไม่อาจจินตนาการได้ บุญนี้ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะพรรณนาด้วยคำพูดใดๆ!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ พระโพธิสัตว์อนันตมติและทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างตะลึง พวกเขาเข้าใจแล้วว่าพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรนั้นวิเศษและล้ำค่าเพียงใด นับแต่วันนั้น ทุกคนต่างสวดระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยความศรัทธายิ่งขึ้น หวังว่าจะได้รับการคุ้มครองและบุญอันไม่สิ้นสุดจากพระองค์

“อนันตมติ! พระโพธิสัตว์ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรท่องเที่ยวไปในโลกนี้อย่างไร แสดงธรรมแก่สรรพสัตว์อย่างไร และมีอุบายวิธีเช่นไร?”

เมื่อพระโพธิสัตว์อนันตมติได้ฟังคำอธิบายของพระพุทธเจ้าแล้ว ในใจก็เกิดคำถามใหม่ขึ้น ท่านจึงกราบทูลถามพระพุทธเจ้าด้วยความเคารพ:

“พระผู้มีพระภาคเจ้า” พระโพธิสัตว์อนันตมติทูลว่า “พวกเราได้ทราบแล้วว่าพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรนั้นอัศจรรย์และเปี่ยมด้วยพระเมตตาเพียงใด แต่ข้าพระองค์ยังมีข้อสงสัยที่อยากกราบทูลถาม”

พระพุทธเจ้าทอดพระเนตรมองพระโพธิสัตว์อนันตมติด้วยความเมตตา ทรงสนับสนุนให้ท่านทูลถามต่อ

พระโพธิสัตว์อนันตมติทรงหายใจลึก แล้วทูลถามว่า: “พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรท่องเที่ยวไปในโลกแห่งความทุกข์นี้อย่างไร?”

“และ” ท่านทูลถามต่อ “พระองค์ทรงแสดงธรรมแก่สรรพสัตว์อย่างไร?”

สุดท้าย พระโพธิสัตว์อนันตมติทูลถามสิ่งที่ท่านสงสัยที่สุด: “พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรมีวิธีพิเศษอะไรในการช่วยเหลือสรรพสัตว์หรือไม่? ขอพระองค์โปรดเล่ารายละเอียดให้พวกเราฟังด้วยเถิด”

พระพุทธเจ้าตรัสแก่พระโพธิสัตว์อนันตมติว่า “กุลบุตร หากมีสรรพสัตว์ในดินแดนใดที่ควรได้รับการโปรดด้วยร่างของพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรก็จะแสดงร่างของพระพุทธเจ้าเพื่อแสดงธรรมแก่พวกเขา”

หลังจากที่พระพุทธเจ้าทรงฟังคำถามของพระโพธิสัตว์อนันตมติแล้ว พระพักตร์ของพระองค์ก็แย้มยิ้มด้วยความเมตตา พระองค์เริ่มตรัสตอบอย่างอ่อนโยนและมั่นคง:

“เด็กผู้มีจิตใจดีงาม” พระพุทธเจ้าตรัส “ข้าจะบอกเจ้าว่าพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรช่วยเหลือสรรพสัตว์อย่างไร”

พระเนตรของพระพุทธเจ้าเปล่งประกายแห่งปัญญา พระองค์ทรงอธิบายว่า: “ในโลกนี้ มีบางสถานที่ที่ผู้คนมักจะได้รับแรงบันดาลใจจากรูปลักษณ์ของพระพุทธเจ้าเป็นพิเศษ สำหรับคนเหล่านี้ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจะทำอย่างไร?”

พระพุทธเจ้าทรงหยุดชั่วครู่ แล้วตรัสว่า: “พระโพธิสัตว์จะแปลงกายเป็นพระพุทธเจ้าปรากฏต่อหน้าพวกเขาอย่างอัศจรรย์!”

“ด้วยวิธีนี้” พระพุทธเจ้าตรัสต่อ “พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรในรูปลักษณ์ของพระพุทธเจ้า จะแสดงธรรมแก่คนเหล่านี้ เพราะเมื่อผู้คนเห็นรูปลักษณ์ของพระพุทธเจ้าที่พวกเขาคุ้นเคยและเคารพ พวกเขาก็จะเข้าใจและยอมรับคำสอนเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ พระโพธิสัตว์อนันตมติและทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างอัศจรรย์ใจ ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่าความเมตตาและปัญญาของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรนั้นลึกซึ้งเพียงใด พระโพธิสัตว์สามารถแปลงกายเป็นรูปลักษณ์ต่างๆ เพียงเพื่อช่วยให้สรรพสัตว์เข้าใจพระธรรมได้ดียิ่งขึ้น!

หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยร่างของพระปัจเจกพุทธเจ้า พระองค์ก็จะแสดงร่างของพระปัจเจกพุทธเจ้าเพื่อแสดงธรรม หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยร่างของพระสาวก พระองค์ก็จะแสดงร่างของพระสาวกเพื่อแสดงธรรม หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยร่างของพรหม พระองค์ก็จะแสดงร่างของพรหมเพื่อแสดงธรรม

เมื่อพระพุทธเจ้าทรงเห็นสีหน้าประหลาดใจของทุกคน พระองค์ก็ทรงอธิบายต่อด้วยความเมตตา:

“ลูกๆ เอ๋ย อิทธิฤทธิ์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรไม่ได้มีเพียงเท่านี้” พระพุทธเจ้าตรัสพร้อมรอยยิ้ม

“บางคน” พระพุทธเจ้าทรงอธิบาย “ศรัทธาในพระปัจเจกพุทธเจ้าผู้บำเพ็ญเพียรและตรัสรู้โดยลำพังเป็นพิเศษ สำหรับคนเหล่านี้ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจะทำอย่างไร?”

พระพุทธเจ้าทรงหยุดชั่วครู่ แล้วตรัสว่า: “พระโพธิสัตว์จะแปลงกายเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าเพื่อแสดงธรรมแก่พวกเขา ด้วยวิธีนี้ คนเหล่านี้ก็จะเข้าใจและยอมรับคำสอนได้ง่ายขึ้น”

“และบางคน” พระพุทธเจ้าตรัสต่อ “มีความรู้สึกพิเศษต่อสาวกของเรา - ผู้ที่ได้ฟังธรรมและบรรลุธรรม สำหรับคนเหล่านี้ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรก็จะแปลงกายเป็นพระสาวกเพื่อสั่งสอนพวกเขา”

พระเนตรของพระพุทธเจ้าเปล่งประกายแห่งปัญญา พระองค์ตรัสว่า: “แม้แต่บางคนที่เคารพบูชาพระพรหมเป็นพิเศษ เจ้าคิดว่าพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจะทำอย่างไร?”

“ถูกต้อง” พระพุทธเจ้าตรัสพร้อมรอยยิ้ม “พระโพธิสัตว์จะแปลงกายเป็นพระพรหมผู้สง่างามเพื่อแสดงธรรมแก่พวกเขา”

หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยร่างของพระอินทร์ พระองค์ก็จะแสดงร่างของพระอินทร์เพื่อแสดงธรรม หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยร่างของอิศวร พระองค์ก็จะแสดงร่างของอิศวรเพื่อแสดงธรรม หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยร่างของมเหศวร พระองค์ก็จะแสดงร่างของมเหศวรเพื่อแสดงธรรม

พระพุทธเจ้าทรงเห็นความประหลาดใจและความเคารพในดวงตาของทุกคน จึงตรัสต่อด้วยความเมตตา:

“ลูกๆ เอ๋ย การแปลงกายอันอัศจรรย์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรยังไม่หมดเพียงเท่านี้” พระพุทธเจ้าตรัสพร้อมรอยยิ้ม

“ในโลกของเรา” พระพุทธเจ้าทรงอธิบาย “มีบางคนที่เคารพบูชาพระอินทร์เป็นพิเศษ สำหรับคนเหล่านี้ เจ้าคิดว่าพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจะทำอย่างไร?”

พระพุทธเจ้าทรงหยุดชั่วครู่ แล้วตรัสว่า: “ถูกต้อง พระโพธิสัตว์จะแปลงกายเป็นพระอินทร์ผู้สง่างามเพื่อแสดงธรรมแก่พวกเขา”

“และบางคน” พระพุทธเจ้าตรัสต่อ “มีความรู้สึกพิเศษต่ออิศวร เทพเจ้าผู้สามารถแปลงกายได้ตามใจปรารถนา ทำให้หลายคนชื่นชม สำหรับคนเหล่านี้ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรก็จะแปลงกายเป็นอิศวรเพื่อสั่งสอนพวกเขา”

พระเนตรของพระพุทธเจ้าเปล่งประกายแห่งปัญญา พระองค์ตรัสว่า: “แม้แต่บางคนที่เคารพบูชามเหศวร - เทพเจ้าผู้ทรงพลังยิ่งกว่าเป็นพิเศษ เจ้าคิดว่าพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจะทำอย่างไร?”

“ใช่แล้ว” พระพุทธเจ้าตรัสพร้อมรอยยิ้ม “พระโพธิสัตว์จะแปลงกายเป็นมเหศวรผู้สง่างามเพื่อแสดงธรรมอันลึกซึ้งแก่พวกเขา”

หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยร่างของเทพเจ้าแม่ทัพ พระองค์ก็จะแสดงร่างของเทพเจ้าแม่ทัพเพื่อแสดงธรรม หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยร่างของท้าวเวสสุวรรณ พระองค์ก็จะแสดงร่างของท้าวเวสสุวรรณเพื่อแสดงธรรม หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยร่างของกษัตริย์น้อย พระองค์ก็จะแสดงร่างของกษัตริย์น้อยเพื่อแสดงธรรม

พระพุทธเจ้าทรงเห็นสีหน้าประหลาดใจของทุกคน จึงทรงเล่าถึงการแปลงกายอันอัศจรรย์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรต่อไป:

“ลูกๆ เอ๋ย การแปลงกายของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรยังมีอีกมากมาย” พระพุทธเจ้าตรัสอย่างอ่อนโยน

“ในสวรรค์” พระพุทธเจ้าทรงอธิบาย “มีเทพเจ้าแม่ทัพผู้องอาจ บางคนเคารพบูชาเทพเจ้าแม่ทัพเหล่านี้เป็นพิเศษ เจ้าคิดว่าพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจะทำอย่างไร?”

พระพุทธเจ้าตรัสพร้อมรอยยิ้มว่า: “ถูกต้อง พระโพธิสัตว์จะแปลงกายเป็นเทพเจ้าแม่ทัพผู้องอาจเพื่อแสดงธรรมแก่พวกเขา”

“และยังมีเทพเจ้าที่มีชื่อเสียงอีกองค์หนึ่ง” พระพุทธเจ้าตรัสต่อ “คือท้าวเวสสุวรรณ พระองค์เป็นเทพผู้พิทักษ์ทิศเหนือ มีผู้คนมากมายเคารพบูชาพระองค์ สำหรับคนเหล่านี้ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรก็จะแปลงกายเป็นท้าวเวสสุวรรณเพื่อสั่งสอนธรรมะแก่พวกเขา”

พระเนตรของพระพุทธเจ้าเปล่งประกายแห่งปัญญา พระองค์ตรัสว่า: “ในโลกมนุษย์ของเรา บางคนเคารพกษัตริย์หรือเจ้าผู้ครองแคว้นเป็นพิเศษ เจ้าคิดว่าพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจะทำอย่างไร?”

“ถูกต้อง” พระพุทธเจ้าตรัสพร้อมรอยยิ้ม “พระโพธิสัตว์จะแปลงกายเป็นกษัตริย์หรือเจ้าผู้ครองแคว้นผู้สง่างาม เพื่อแสดงธรรมในรูปแบบที่พวกเขาคุ้นเคย”

หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยร่างของพราหมณ์ พระองค์ก็จะแสดงร่างของพราหมณ์เพื่อแสดงธรรม หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยร่างของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พระองค์ก็จะแสดงร่างของภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาเพื่อแสดงธรรม หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยร่างของคหบดี ขุนนาง หรือภรรยาพราหมณ์ พระองค์ก็จะแสดงร่างของสตรีเพื่อแสดงธรรม

เมื่อพระพุทธเจ้าทรงเห็นแววตาแห่งความเข้าใจและความเคารพในดวงตาของทุกคน พระองค์จึงตรัสต่อด้วยความเมตตาถึงการแปลงกายอันอัศจรรย์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร:

“ลูกๆ เอ๋ย ความเมตตาและปัญญาของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรยังมีสิ่งที่เราควรเรียนรู้อีกมาก” พระพุทธเจ้าตรัสอย่างอ่อนโยน

“ในอินเดีย” พระพุทธเจ้าทรงอธิบาย “มีกลุ่มคนที่เรียกว่าพราหมณ์ ผู้ศึกษาคัมภีร์โบราณ บางคนให้ความเคารพพราหมณ์เหล่านี้เป็นพิเศษ เจ้าคิดว่าพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจะทำอย่างไร?”

พระพุทธเจ้าตรัสพร้อมรอยยิ้มว่า: “ถูกต้อง พระโพธิสัตว์จะแปลงกายเป็นพราหมณ์ผู้รอบรู้เพื่อแสดงธรรมแก่พวกเขา”

“ในหมู่พุทธบริษัทของเรา” พระพุทธเจ้าตรัสต่อ “มีทั้งภิกษุและภิกษุณีผู้ออกบวช และอุบาสกอุบาสิกาผู้ครองเรือน สำหรับคนเหล่านี้ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรก็จะแปลงกายเป็นหนึ่งในพวกเขาเพื่อสั่งสอนธรรมะที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น”

พระเนตรของพระพุทธเจ้าเปล่งประกายแห่งปัญญา พระองค์ตรัสว่า: “บางครั้ง สตรีจะรับฟังคำสอนจากสตรีด้วยกันได้ง่ายกว่า เจ้าคิดว่าพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจะทำอย่างไร?”

“ใช่แล้ว” พระพุทธเจ้าตรัสพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ว่าจะเป็นภรรยาของคหบดี ขุนนาง หรือพราหมณ์ หากสตรีจะรับฟังได้ง่ายกว่า พระโพธิสัตว์ก็จะแปลงกายเป็นสตรีเพื่อแสดงธรรมในรูปแบบที่พวกเขาคุ้นเคย”

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ พระโพธิสัตว์อนันตมติและผู้ที่อยู่ในที่นั้นต่างพากันอัศจรรย์ใจ พวกเขาเข้าใจแล้วว่าความเมตตาและปัญญาของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรนั้นละเอียดอ่อนเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นพราหมณ์ผู้รอบรู้ พุทธศาสนิกชนผู้ศรัทธา หรือสตรีในสถานะต่างๆ พระโพธิสัตว์ก็สามารถแปลงกายเป็นรูปลักษณ์นั้นๆ เพื่อสั่งสอนสรรพสัตว์ด้วยวิธีที่เหมาะสมที่สุด

หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยร่างของเด็กชายหรือเด็กหญิง พระองค์ก็จะแสดงร่างของเด็กชายหรือเด็กหญิงเพื่อแสดงธรรม หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยร่างของเทวดา นาค ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร ครุฑ กินนร มโหรคะ มนุษย์และอมนุษย์ พระองค์ก็จะแสดงร่างนั้นๆ เพื่อแสดงธรรม หากผู้ใดควรได้รับการโปรดด้วยร่างของวัชรปาณี พระองค์ก็จะแสดงร่างของวัชรปาณีเพื่อแสดงธรรม

พระพุทธเจ้าทรงเห็นความประหลาดใจและความเคารพบนใบหน้าของทุกคน จึงทรงเล่าถึงการแปลงกายอันอัศจรรย์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรต่อไปอย่างอ่อนโยน:

“ลูกๆ เอ๋ย ความเมตตาของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรนั้นไม่มีที่สิ้นสุด” พระพุทธเจ้าตรัสอย่างเมตตา

“บางครั้ง” พระพุทธเจ้าทรงอธิบาย “เด็กๆ จะรับฟังคำพูดจากเด็กด้วยกันได้ง่ายกว่า เจ้าคิดว่าพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจะทำอย่างไร?”

พระพุทธเจ้าตรัสพร้อมรอยยิ้มว่า: “ถูกต้อง พระโพธิสัตว์จะแปลงกายเป็นเด็กชายหรือเด็กหญิงที่น่ารัก เพื่อแสดงธรรมในแบบที่พวกเขาคุ้นเคย”

“ในโลกของเรา” พระพุทธเจ้าตรัสต่อ “ยังมีสิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์อีกมากมาย เช่น เทวดา นาค ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร ครุฑ กินนร มโหรคะ และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ตามปกติ สำหรับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรก็จะแปลงกายเป็นหนึ่งในพวกเขาเพื่อแสดงธรรม”

พระเนตรของพระพุทธเจ้าเปล่งประกายแห่งปัญญา พระองค์ตรัสว่า: “มีเทพองค์หนึ่งที่ทรงพลังพิเศษ เรียกว่าวัชรปาณี พวกเขามีพละกำลังมหาศาล คอยปกป้องพระธรรม บางคนเคารพบูชาพวกเขาเป็นพิเศษ เจ้าคิดว่าพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจะทำอย่างไร?”

“ใช่แล้ว” พระพุทธเจ้าตรัสพร้อมรอยยิ้ม “พระโพธิสัตว์จะแปลงกายเป็นวัชรปาณีผู้ทรงอานุภาพ เพื่อแสดงธรรมในรูปแบบที่พวกเขาคุ้นเคย”

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ พระโพธิสัตว์อนันตมติและผู้ที่อยู่ในที่นั้นต่างพากันอัศจรรย์ใจ พวกเขาเข้าใจแล้วว่าความเมตตาและปัญญาของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้บริสุทธิ์ สิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ หรือเทพผู้พิทักษ์อันทรงพลัง พระโพธิสัตว์ก็สามารถแปลงกายเป็นรูปลักษณ์นั้นๆ เพื่อสั่งสอนพวกเขาด้วยวิธีที่เหมาะสมที่สุด

“อนันตมติ! พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรบรรลุบุญญาบารมีเช่นนี้ ด้วยการแปลงกายเป็นรูปต่างๆ ท่องเที่ยวไปในดินแดนทั้งหลาย เพื่อโปรดสรรพสัตว์ ด้วยเหตุนี้ พวกเธอควรจะตั้งใจบูชาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรมหาสัตว์นี้ สามารถประทานความไม่กลัวแก่ผู้ที่ตกอยู่ในความหวาดกลัวและภยันตราย ด้วยเหตุนี้ ในโลกนี้จึงเรียกพระองค์ว่า ‘ผู้ประทานอภัย’”

เมื่อตรัสถึงตรงนี้ พระพักตร์ของพระพุทธเจ้าเปี่ยมด้วยความเมตตาและความชื่นชม พระองค์ทอดพระเนตรไปยังพระโพธิสัตว์อนันตมติและผู้ที่อยู่ในที่นั้น แล้วตรัสสรุปอย่างอ่อนโยนว่า:

“อนันตมติ ดูสิ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรมีฤทธานุภาพและบุญญาบารมีที่น่าอัศจรรย์เพียงใด” พระพุทธเจ้าตรัสอย่างเมตตา “พระโพธิสัตว์สามารถแปลงกายเป็นรูปลักษณ์ต่างๆ ท่องเที่ยวไปในดินแดนทั้งหลาย เพื่อช่วยเหลือและโปรดสรรพสัตว์นับอนันต์”

พระสุรเสียงของพระพุทธเจ้าทรงความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น: “เพราะพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรยิ่งใหญ่เช่นนี้ พวกเธอทั้งหลายควรจะบูชาและเคารพพระองค์ด้วยสุดหัวใจ”

จากนั้น พระพุทธเจ้าทรงอธิบายว่า: “พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรยังมีความสามารถพิเศษอีกอย่างหนึ่ง เมื่อสรรพสัตว์ประสบภยันตรายที่น่ากลัว หรือตกอยู่ในความทุกข์ยากลำบาก พระโพธิสัตว์สามารถประทานพลังแห่งความไม่กลัวให้แก่พวกเขา ทำให้พวกเขาไม่ต้องหวาดกลัวอีกต่อไป”

พระพุทธเจ้าตรัสพร้อมรอยยิ้มว่า: “ด้วยเหตุนี้ ในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ของเรา ทุกคนจึงเรียกพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรว่า ‘ผู้ประทานอภัย’ - ซึ่งหมายถึงผู้ที่สามารถมอบความกล้าหาญและความรู้สึกปลอดภัยให้แก่ผู้คน”

เมื่อได้ฟังพระดำรัสของพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์อนันตมติและผู้ที่อยู่ในที่นั้นต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรอย่างลึกซึ้ง พวกเขาเข้าใจแล้วว่า ไม่ว่าตนจะเป็นใคร ไม่ว่าจะประสบความยากลำบากเช่นไร เพียงแค่เอ่ยนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยความจริงใจ ก็จะได้รับการคุ้มครองและความช่วยเหลือจากพระองค์

พระโพธิสัตว์อนันตมติกราบทูลพระพุทธเจ้าว่า: “พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระองค์จะขอถวายเครื่องบูชาแด่พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร” แล้วถอดสร้อยประดับคอที่ทำด้วยอัญมณีมีค่าหนึ่งแสนตำลึงทอง มอบให้พร้อมกล่าวว่า: “ขอพระผู้เป็นเจ้าโปรดรับสร้อยอัญมณีอันเป็นเครื่องบูชาธรรมนี้” แต่พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรไม่ทรงรับ พระโพธิสัตว์อนันตมติจึงกราบทูลพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรอีกว่า: “ขอพระผู้เป็นเจ้าโปรดเมตตาพวกข้าพระองค์ รับสร้อยนี้ด้วยเถิด” ขณะนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสกับพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรว่า: “เพื่อความเมตตาต่อพระโพธิสัตว์อนันตมติและพุทธบริษัทสี่ รวมทั้งเทวดา นาค ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร ครุฑ กินนร มโหรคะ มนุษย์และอมนุษย์ทั้งหลาย เธอควรรับสร้อยนี้”

หลังจากที่พระพุทธเจ้าตรัสถึงฤทธานุภาพและพระมหากรุณาธิคุณของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรแล้ว พระโพธิสัตว์อนันตมติรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง และตัดสินใจที่จะแสดงความเคารพ เหตุการณ์นี้ทำให้เราได้เห็นภาพที่น่าประทับใจ:

พระโพธิสัตว์อนันตมติลุกขึ้นยืน กราบทูลพระพุทธเจ้าอย่างนอบน้อมว่า: “พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระองค์ปรารถนาจะถวายเครื่องบูชาแด่พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร”

จากนั้น พระองค์ถอดสร้อยอัญมณีที่สวมอยู่ที่คอ สร้อยนี้มีค่ามาก ราคาถึงหนึ่งแสนตำลึงทอง พระโพธิสัตว์อนันตมติประคองสร้อยไว้ในมือ หันไปทางพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร แล้วกราบทูลอย่างจริงใจว่า: “ขอพระผู้เป็นเจ้าโปรดรับสร้อยอัญมณีอันเป็นเครื่องบูชาธรรมนี้”

แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรไม่ทรงรับของถวายชิ้นนี้

พระโพธิสัตว์อนันตมติรู้สึกกังวลใจ จึงกราบทูลอีกครั้งว่า: “ขอพระผู้เป็นเจ้าโปรดเมตตา รับสร้อยนี้ด้วยเถิด”

ในขณะนั้น พระพุทธเจ้าทรงเอ่ยขึ้น ตรัสกับพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรว่า: “อวโลกิเตศวร เธอควรเมตตารับน้ำใจของพระโพธิสัตว์อนันตมติ และไม่เพียงเท่านั้น แต่ยังเพื่อพุทธบริษัทสี่ รวมทั้งเทวดา นาค ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร ครุฑ กินนร มโหรคะ และสรรพสัตว์ทั้งปวง ขอเธอจงรับสร้อยนี้เถิด”

เหตุการณ์นี้แสดงให้เราเห็นถึงความจริงใจและความเอื้อเฟื้อของพระโพธิสัตว์อนันตมติ และความถ่อมตนของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ที่สำคัญกว่านั้น เราได้เข้าใจถึงพระปัญญาของพระพุทธเจ้า - พระองค์ทรงเตือนพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรว่า การรับเครื่องบูชาไม่ใช่เพื่อตนเอง แต่เพื่อประโยชน์สุขของสรรพสัตว์ทั้งปวง เรื่องราวนี้สอนเราว่า ความเมตตาและปัญญาที่แท้จริงนั้น ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของสรรพสัตว์ทั้งมวล

ในขณะนั้น พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรทรงเมตตาต่อพุทธบริษัทสี่และเทวดา นาค มนุษย์และอมนุษย์ทั้งหลาย จึงทรงรับสร้อยนั้น แล้วแบ่งเป็นสองส่วน: ส่วนหนึ่งถวายแด่พระพุทธเจ้าศากยมุนี อีกส่วนหนึ่งถวายแด่พระสถูปของพระพุทธเจ้าพระนามว่าพระพหุรัตนะ “อนันตมติ! พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรมีฤทธานุภาพอันเป็นอิสระเช่นนี้ ท่องเที่ยวไปในโลกนี้”

เมื่อได้ฟังพระดำรัสของพระพุทธเจ้า ดวงตาของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งประกายแห่งความเมตตา ในขณะนั้น ภาพที่น่าประทับใจได้ปรากฏต่อหน้าทุกคน:

พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรทรงยิ้มอย่างอ่อนโยน ทอดพระเนตรด้วยความเมตตาไปยังพระโพธิสัตว์อนันตมติและผู้ที่อยู่ในที่นั้น พระองค์ทรงรับสร้อยอัญมณีอันล้ำค่านั้นอย่างนุ่มนวล ทุกคนรู้สึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์

จากนั้น พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรทรงกระทำสิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจ พระองค์ทรงแบ่งสร้อยออกเป็นสองส่วนอย่างระมัดระวัง

“ดูสิ” พระพุทธเจ้าทรงอธิบาย “พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรถวายสร้อยครึ่งหนึ่งแก่เรา - พระพุทธเจ้าศากยมุนี”

“และอีกครึ่งหนึ่ง” พระพุทธเจ้าตรัสต่อ “พระองค์ถวายแด่พระสถูปของพระพุทธเจ้าพระนามว่าพระพหุรัตนะ”

พระพุทธเจ้าทอดพระเนตรไปยังพระโพธิสัตว์อนันตมติ ตรัสอย่างเมตตาว่า: “อนันตมติ เจ้าเห็นแล้วหรือไม่? พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรมีฤทธานุภาพและปัญญาอันน่าอัศจรรย์ พระองค์ท่องเที่ยวไปในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์นี้ ช่วยเหลือสรรพสัตว์ และในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะแสดงความเคารพต่อพระพุทธเจ้าทั้งหลาย”

เมื่อนั้น พระโพธิสัตว์อนันตมติได้ถามด้วยคาถาว่า:

หลังจากที่พระพุทธเจ้าตรัสเล่าเรื่องราวของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรจบลง พระโพธิสัตว์อนันตมติยังมีข้อสงสัยในใจ ท่านจึงตัดสินใจใช้บทกวีอันไพเราะเพื่อแสดงความอยากรู้ของตน ภาพที่ปรากฏนี้แสดงให้เห็นถึงฉากที่เต็มไปด้วยปัญญาและความงดงาม:

พระโพธิสัตว์อนันตมติลุกขึ้นยืน น้อมกายไปทางพระพุทธเจ้าด้วยความเคารพ ท่านสูดลมหายใจลึก แล้วเริ่มขับร้องด้วยเสียงอันไพเราะ:

ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้ทรงมีพระลักษณะอันประเสริฐ ข้าพระองค์ขอถามพระองค์อีกครั้ง เพราะเหตุใดพุทธบุตรองค์นี้จึงมีนามว่าอวโลกิเตศวร พระผู้ทรงพระลักษณะอันประเสริฐได้ตรัสตอบอนันตมติด้วยคาถาว่า จงฟังการกระทำของอวโลกิเตศวร ผู้ตอบสนองอย่างดีในทุกที่

ในพุทธเกษตรอันงดงามนั้น การสนทนาอันเปี่ยมด้วยปัญญากำลังดำเนินอยู่ พระโพธิสัตว์อนันตมติยังมีข้อสงสัยในใจ จึงใช้บทกวีอันไพเราะทูลถามพระพุทธเจ้าว่า:

“ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้ทรงมีพระลักษณะอันประเสริฐที่สุด วันนี้ข้าพระองค์ขอทูลถามพระองค์อีกครั้ง เหตุใดพุทธบุตรองค์นี้จึงได้พระนามว่า ‘อวโลกิเตศวร’?”

เมื่อพระพุทธเจ้าทรงสดับ พระพักตร์ของพระองค์ทรงแย้มด้วยรอยยิ้มอันเปี่ยมด้วยเมตตา พระองค์ทรงทราบว่าคำถามนี้ไม่เพียงเป็นข้อสงสัยของพระโพธิสัตว์อนันตมติเท่านั้น แต่ยังเป็นความอยากรู้ในใจของทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้น ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสตอบด้วยบทกวีว่า:

“ดูก่อนอนันตมติผู้มีลักษณะอันสมบูรณ์ เราจะตอบคำถามของเธอด้วยบทกวี จงตั้งใจฟังเรื่องราวของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ผู้ปรากฏกายช่วยเหลือสรรพสัตว์ในทุกหนแห่ง”

ปณิธานอันยิ่งใหญ่ลึกดั่งมหาสมุทร ผ่านกัลป์อันนับไม่ถ้วน ได้ปรนนิบัติพระพุทธเจ้านับพันโกฏิ และตั้งปณิธานอันบริสุทธิ์ยิ่งใหญ่ เราจะเล่าให้เธอฟังโดยย่อ เพียงได้ยินพระนามและเห็นพระวรกาย การระลึกถึงจะไม่สูญเปล่า สามารถดับทุกข์ทั้งปวงได้

พระพุทธเจ้าตรัสต่อด้วยพระสุรเสียงอันเปี่ยมด้วยปัญญาและเมตตา:

“ปณิธานของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรลึกดั่งมหาสมุทร ผ่านกาลเวลาอันนับไม่ถ้วน ไม่เคยเปลี่ยนแปลง พลังแห่งปณิธานนี้เกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้

พระองค์ได้ปรนนิบัติพระพุทธเจ้านับพันโกฏิ ในการบำเพ็ญเพียรอันยาวนาน ได้ตั้งปณิธานอันบริสุทธิ์สูงส่งที่สุด เพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ผู้ทุกข์ทรมานทั้งปวง

ให้เราเล่าให้ท่านฟังสักเล็กน้อย เพียงแค่ได้ยินพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือได้เห็นพระวรกายของพระองค์ หากตั้งจิตอธิษฐานด้วยความจริงใจ ย่อมได้รับการตอบสนอง

หากท่านเรียกหาพระอวโลกิเตศวรด้วยใจจริง คำอธิษฐานของท่านจะไม่สูญเปล่า พลังแห่งความเมตตาของพระองค์ไร้ขอบเขต สามารถดับทุกข์ทั้งปวงในโลกได้”

หากมีผู้คิดร้าย ผลักลงในหลุมไฟใหญ่ ด้วยพลังแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร หลุมไฟจะกลายเป็นสระน้ำ หรือลอยอยู่ในมหาสมุทร ประสบภัยจากมังกร ปลา และภูตผีต่างๆ ด้วยพลังแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร คลื่นไม่อาจท่วมท้นได้

พระสุรเสียงของพระพุทธเจ้ายังคงดังต่อไป เปี่ยมด้วยความอบอุ่นและพลัง:

“ลองจินตนาการดู หากมีผู้ต้องการทำร้ายท่าน ผลักท่านลงในหลุมไฟอันร้อนแรง แต่หากท่านระลึกถึงพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยใจจริง ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้น หลุมไฟจะกลายเป็นสระน้ำเย็น

หรือสมมติว่า ท่านประสบภัยในมหาสมุทร รอบข้างเต็มไปด้วยมังกร ปลา และภูตผีในน้ำที่น่ากลัว หากท่านเรียกหาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยจิตที่แน่วแน่ คลื่นยักษ์ก็ไม่อาจท่วมท้นท่านได้”

หรืออยู่บนยอดเขาพระสุเมรุ ถูกผู้คนผลักตกลงมา ด้วยพลังแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร จะลอยอยู่ในอากาศดั่งดวงอาทิตย์ หรือถูกคนชั่วไล่ล่า ตกลงจากภูเขาวัชระ ด้วยพลังแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร แม้แต่เส้นผมก็ไม่เสียหาย

พระพุทธเจ้าตรัสต่อด้วยพระสุรเสียงอันอ่อนโยนและทรงพลัง:

“จินตนาการว่าท่านยืนอยู่บนยอดเขาพระสุเมรุที่สูงเสียดเมฆ จู่ๆ มีคนพยายามผลักท่านตกลงมา แต่หากท่านเรียกหาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยใจจริง ท่านจะลอยนิ่งอยู่ในอากาศดั่งดวงอาทิตย์

หรือสมมติว่า มีคนร้ายไล่ล่าท่าน ท่านพลาดตกลงมาจากภูเขาที่แข็งดั่งเพชร หากท่านระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยจิตที่แน่วแน่ แม้แต่เส้นผมของท่านก็จะไม่ได้รับอันตราย”

หรือถูกโจรร้ายล้อมรอบ ต่างถือดาบจะทำร้าย ด้วยพลังแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร พวกเขาจะเกิดจิตเมตตา หรือประสบทุกข์จากการถูกกษัตริย์ลงโทษ ใกล้จะถูกประหารชีวิต ด้วยพลังแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร ดาบจะแตกเป็นชิ้นๆ

พระสุรเสียงของพระพุทธเจ้ายังคงดังต่อไป อ่อนโยนและมั่นคง:

“จินตนาการว่าท่านถูกคนร้ายล้อมไว้ พวกเขาถือดาบคมกริบ ต้องการทำร้ายท่าน แต่หากท่านเรียกหาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยใจจริง ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้น คนเหล่านั้นจะกลับกลายเป็นผู้มีเมตตา

หรือสมมติว่า ท่านถูกใส่ร้ายจนต้องติดคุก กำลังจะถูกประหารชีวิต ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย หากท่านระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยจิตที่แน่วแน่ ดาบประหารจะแตกออกเป็นชิ้นๆ ทันที”

หรือถูกจองจำด้วยโซ่ตรวน มือเท้าถูกพันธนาการ ด้วยพลังแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร จะได้รับการปลดปล่อย คำสาปและยาพิษทั้งหลาย ที่จะทำร้ายร่างกาย ด้วยพลังแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร จะย้อนกลับไปหาผู้กระทำ

พระพุทธเจ้าตรัสต่อด้วยพระสุรเสียงอันอ่อนโยนและทรงพลัง:

“จินตนาการว่าท่านถูกขังอยู่ในคุก มือและเท้าถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนอันหนัก แต่หากท่านเรียกหาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยใจจริง ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้น โซ่ตรวนจะคลายออกเอง ให้ท่านได้เป็นอิสระ

หรือสมมติว่า มีผู้ใช้คำสาปหรือยาพิษ ต้องการทำร้ายร่างกายของท่าน หากท่านระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยจิตที่แน่วแน่ อันตรายเหล่านั้นจะย้อนกลับไปหาผู้ที่ต้องการทำร้ายท่าน”

หรือพบยักษ์ร้าย มังกรพิษ และภูตผีต่างๆ ด้วยพลังแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร พวกมันจะไม่กล้าทำร้าย หากถูกสัตว์ร้ายล้อมรอบ เขี้ยวและกรงเล็บน่ากลัว ด้วยพลังแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร พวกมันจะวิ่งหนีไปไกลแสนไกล

พระสุรเสียงของพระพุทธเจ้ายังคงดังต่อไป เปี่ยมด้วยความอบอุ่นและพลัง:

“จินตนาการว่าท่านเดินทางไปพบยักษ์ที่น่ากลัว หรือมังกรพิษและภูตผีร้ายอื่นๆ แต่หากท่านเรียกหาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยใจจริง สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวเหล่านี้จะสูญเสียความกล้าที่จะทำร้ายท่าน

หรือสมมติว่า ท่านถูกสัตว์ร้ายล้อมไว้ พวกมันอ้าปากกว้างเผยให้เห็นเขี้ยวคม กางกรงเล็บอันแหลมคม หากท่านระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยจิตที่แน่วแน่ สัตว์ร้ายเหล่านี้จะรีบวิ่งหนีไป หายลับไปไกลแสนไกล”

งูพิษและแมงป่อง พ่นพิษเหมือนไฟลุก ด้วยพลังแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร พวกมันจะหันหลังกลับไปเอง เมฆฝน ฟ้าร้อง ฟ้าแลบ ลูกเห็บและฝนตกหนัก ด้วยพลังแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร จะสลายไปในทันที

พระสุรเสียงของพระพุทธเจ้ายังคงดังต่อไป อ่อนโยนและมั่นคง:

“จินตนาการว่าท่านพบงูพิษและแมงป่อง พวกมันพ่นพิษอันตรายเหมือนไฟ แต่หากท่านเรียกหาพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยใจจริง สัตว์ร้ายเหล่านี้จะหันหลังกลับไปเอง

หรือสมมติว่า ท้องฟ้ามืดครึ้มด้วยเมฆฝน ฟ้าร้อง ฟ้าแลบ ลูกเห็บและฝนตกหนัก หากท่านระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยจิตที่แน่วแน่ สภาพอากาศอันน่ากลัวเหล่านี้จะสลายไปในทันที”

สรรพสัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยาก ความทุกข์นับไม่ถ้วนบีบคั้นร่างกาย พลังปัญญาอันวิเศษของพระอวโลกิเตศวร สามารถช่วยทุกข์ในโลกได้ ทรงมีพลังอิทธิฤทธิ์สมบูรณ์ ฝึกฝนอุบายแห่งปัญญาอย่างกว้างขวาง ในดินแดนทั้งสิบทิศ ไม่มีที่ใดที่พระองค์ไม่ปรากฏกาย

พระสุรเสียงของพระพุทธเจ้าอ่อนโยนลง เปี่ยมด้วยความเมตตา:

“ลูกๆ ทั้งหลาย ในโลกนี้มีผู้คนมากมายที่กำลังประสบความยากลำบาก ถูกความทุกข์นับไม่ถ้วนทรมาน แต่พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรมีพลังปัญญาอันมหัศจรรย์ สามารถช่วยบรรเทาทุกข์ทั้งปวงในโลกได้”

พระพุทธเจ้าทรงหยุดชั่วครู่ ทอดพระเนตรไปรอบๆ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนกำลังตั้งใจฟัง แล้วตรัสต่อว่า: “พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรทรงมีพลังอิทธิฤทธิ์อันสมบูรณ์ พระองค์ใช้อุบายนานัปการเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นมุมใดในสิบทิศ หากมีผู้ต้องการความช่วยเหลือ พระองค์จะปรากฏกายเพื่อช่วยเหลือ”

ภพภูมิอันเลวร้ายทั้งหลาย นรก เปรต สัตว์เดรัจฉาน ทุกข์แห่งการเกิด แก่ เจ็บ ตาย จะค่อยๆ ดับสิ้นไป การเห็นอันแท้จริง การเห็นอันบริสุทธิ์ การเห็นด้วยปัญญาอันกว้างใหญ่ การเห็นด้วยความเมตตาและกรุณา ขอให้ปรารถนาและเพ่งมองเสมอ

พระเนตรของพระพุทธเจ้าเปล่งประกายด้วยปัญญา พระองค์ตรัสต่อไปว่า:

“ลูกๆ ทั้งหลาย ในโลกนี้มีภพภูมิแห่งความทุกข์มากมาย บางคนตกนรก บางคนเป็นเปรต บางคนเป็นสัตว์เดรัจฉาน แม้แต่เป็นมนุษย์ เราก็ต้องเผชิญกับความทุกข์แห่งการเกิด แก่ เจ็บ ตาย”

พระสุรเสียงของพระองค์อ่อนโยนลง: “แต่พลังของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรนั้นยิ่งใหญ่นัก พระองค์สามารถค่อยๆ ขจัดความทุกข์เหล่านี้ ให้สรรพชีวิตได้พ้นทุกข์”

พระองค์ทรงหยุดชั่วครู่ ให้ทุกคนเข้าใจความหมายลึกซึ้งของพระดำรัส แล้วตรัสต่อ: “การมองเห็นของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรนั้นบริสุทธิ์และแท้จริง ปัญญาของพระองค์ลึกล้ำดั่งมหาสมุทร พระเนตรของพระองค์เปี่ยมด้วยความเมตตาและความรัก คอยดูแลพวกเราทุกคนตลอดเวลา”

แสงสว่างอันบริสุทธิ์ไร้มลทิน ดวงอาทิตย์แห่งปัญญาทำลายความมืดทั้งปวง สามารถปราบภัยพิบัติจากลมและไฟ แสงสว่างส่องสว่างทั่วโลก ร่างแห่งความกรุณาดังเสียงฟ้าร้อง จิตแห่งเมตตาดั่งเมฆใหญ่อัศจรรย์ โปรยน้ำอมฤตแห่งธรรม ดับเปลวไฟแห่งกิเลส

พระสุรเสียงของพระพุทธเจ้าทรงพลังมากขึ้น พระองค์ตรัสต่อไปว่า: “ลูกๆ ทั้งหลาย พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเป็นดั่งแสงสว่างอันบริสุทธิ์ไร้มลทิน ปัญญาของพระองค์เป็นดั่งดวงอาทิตย์ที่สามารถขจัดความมืดทั้งปวง”

พระพุทธเจ้าทรงแย้มพระโอษฐ์ ใช้อุปมาอันงดงามเพื่อพรรณนาถึงพลังของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร: “จินตนาการดู เมื่อภัยพิบัติเช่นพายุและไฟมาถึง พลังของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรสามารถระงับอันตรายเหล่านี้ได้ แสงสว่างของพระองค์ส่องสว่างทั่วโลก นำความหวังมาสู่ทุกมุมโลก”

พระสุรเสียงของพระองค์ทุ้มต่ำลง ราวกับเลียนแบบเสียงฟ้าร้อง: “ความกรุณาของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรสั่นสะเทือนใจดั่งเสียงฟ้าร้อง เมตตาจิตของพระองค์เป็นดั่งเมฆใหญ่แห่งความดีงาม”

จากนั้น พระสุรเสียงของพระองค์อ่อนโยนลง: “จากเมฆก้อนนั้น พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรโปรยน้ำอมฤตแห่งธรรม น้ำนี้สามารถดับไฟแห่งกิเลสในใจของเรา ทำให้จิตใจของเราเย็นและสงบ”

ในศาลที่มีการฟ้องร้อง ในสนามรบที่น่าหวาดกลัว ด้วยพลังแห่งการระลึกถึงพระอวโลกิเตศวร ศัตรูทั้งหลายจะหนีไป เสียงอันวิเศษ พระอวโลกิเตศวร เสียงแห่งพรหม เสียงคลื่นในมหาสมุทร ชนะเสียงทั้งปวงในโลก ด้วยเหตุนี้พึงระลึกถึงเสมอ

พระพุทธเจ้าทอดพระเนตรไปยังผู้คน ตรัสต่อด้วยพระสุรเสียงอันอ่อนโยนและมั่นคงว่า: “ลูกๆ ทั้งหลาย ในชีวิตเราย่อมพบเจอสถานการณ์ที่น่ากลัว เช่น เมื่อท่านต้องขึ้นศาล หรืออยู่ในสนามรบ ถูกศัตรูล้อมรอบ”

พระพุทธเจ้าทรงหยุดชั่วครู่ ให้คำพูดเหล่านี้ซึมซับในใจผู้ฟัง แล้วทรงแย้มพระโอษฐ์ตรัสว่า: “แต่หากท่านระลึกถึงพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรด้วยใจจริง สิ่งมหัศจรรย์จะเกิดขึ้น ผู้คนและสิ่งที่เป็นอันตรายต่อท่านจะสลายไปดั่งน้ำลง”

พระสุรเสียงของพระองค์อ่อนโยนลง ราวกับกำลังวาดภาพอันงดงาม: “เสียงของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรช่างวิเศษนัก เหมือนเสียงสวรรค์ของพรหม และจังหวะของคลื่นในมหาสมุทร เสียงนี้เหนือกว่าเสียงใดๆ ในโลก สามารถเข้าถึงจิตใจและปลอบประโลมวิญญาณของทุกคน”

พระพุทธเจ้าทอดพระเนตรไปรอบๆ เห็นผู้ฟังทุกคนตั้งใจฟังอย่างลึกซึ้ง พระองค์ตรัสอย่างหนักแน่นว่า: “เพราะพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรมหัศจรรย์เช่นนี้ เราควรระลึกถึงพระนามของพระองค์เสมอ ด้วยวิธีนี้ ไม่ว่าเราจะพบความยากลำบากใด เราจะได้รับการปกป้องและนำทางจากพระองค์”

อย่าสงสัยแม้แต่น้อย พระอวโลกิเตศวรผู้บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ ในความทุกข์ ความกังวล และภัยแห่งความตาย สามารถเป็นที่พึ่งพิงได้ ทรงมีคุณความดีทั้งปวง มองสรรพสัตว์ด้วยดวงตาแห่งเมตตา บุญกุศลมากมายดั่งมหาสมุทร ด้วยเหตุนี้ควรกราบไหว้

พระเนตรของพระพุทธเจ้าเปล่งประกายด้วยปัญญา พระสุรเสียงของพระองค์มั่นคงและอบอุ่นยิ่งขึ้น: “ลูกๆ ทั้งหลาย เมื่อท่านระลึกถึงพระนามของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร อย่าได้สงสัยแม้แต่น้อย พระอวโลกิเตศวรคือพระโพธิสัตว์ผู้บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ พลังของพระองค์ไม่อาจสงสัยได้”

พระพุทธเจ้าทรงถอนพระทัยเบาๆ พระสุรเสียงเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจและความเข้าใจ: “ในโลกนี้ เราย่อมพบเจอความทุกข์ ความกังวล และแม้แต่ภัยคุกคามแห่งความตาย แต่โปรดจำไว้ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรอยู่ที่นั่นเสมอ เป็นที่พึ่งพิงและปกป้องอันมั่นคงของเรา”

พระพักตร์ของพระองค์เปล่งประกายด้วยรอยยิ้มเมตตา: “พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรทรงมีคุณความดีทั้งปวง พระองค์มองดูทุกชีวิตด้วยดวงตาแห่งความรัก ดั่งมารดามองบุตรของตน บุญกุศลที่พระองค์สั่งสมไว้นั้นมากมายดั่งมหาสมุทร ลึกเกินจะหยั่งถึง”

พระพุทธเจ้าทอดพระเนตรไปรอบๆ เห็นความเคารพและซาบซึ้งบนใบหน้าของผู้ฟัง พระองค์ตรัสช้าๆ ว่า: “เพราะพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรยิ่งใหญ่เช่นนี้ เราควรกราบไหว้พระองค์ แสดงความเคารพและความกตัญญูอย่างสุดซึ้ง”

ในขณะนั้น พระโพธิสัตว์จี้ตี้ลุกขึ้นจากที่นั่ง เข้าไปกราบทูลพระพุทธเจ้าว่า “พระผู้มีพระภาคเจ้า หากมีผู้ใดได้ฟังบทพระสูตรว่าด้วยพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรนี้ ได้รู้ถึงการกระทำอันเป็นอิสระและการแสดงอิทธิฤทธิ์ในทุกประตู พึงรู้ว่าบุคคลนั้นมีบุญกุศลไม่น้อย” เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสบทพระสูตรประตูสากลนี้ มีผู้คนแปดหมื่นสี่พันคนในที่ประชุมต่างเกิดจิตมุ่งสู่พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณอันไม่มีสิ่งใดเทียบเท่า

ในขณะนั้น พระโพธิสัตว์จี้ตี้ลุกขึ้นจากที่นั่ง เดินอย่างนอบน้อมไปเบื้องหน้าพระพุทธเจ้า ประนมมือกล่าวว่า “พระผู้มีพระภาคผู้เคารพ หากผู้ใดได้ฟังบทพระสูตรว่าด้วยพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เข้าใจถึงกิจการอันเป็นอิสระของพระโพธิสัตว์ และพลังอิทธิฤทธิ์ที่แสดงในทุกประตู บุคคลนั้นย่อมได้บุญกุศลมากมายอย่างแน่นอน”

เมื่อพระพุทธเจ้าทรงสดับคำของพระโพธิสัตว์จี้ตี้ พระองค์ทรงพยักหน้าด้วยความยินดี ทรงทอดพระเนตรไปรอบๆ มองทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้น ตรัสอย่างอ่อนโยนและมั่นคงว่า “ดังที่พระโพธิสัตว์จี้ตี้กล่าว การฟังถึงบุญกุศลของพระอวโลกิเตศวรนั้นนำมาซึ่งประโยชน์อันยิ่งใหญ่จริงๆ”

ทันใดนั้น คลื่นพลังอันน่าอัศจรรย์แผ่ซ่านไปทั่วที่ประชุม พระพุทธเจ้าทรงแย้มพระโอษฐ์ประกาศว่า “ในขณะที่เราแสดงบทพระสูตรประตูสากลนี้ ผู้คนแปดหมื่นสี่พันคนในที่ประชุมต่างได้ตั้งปณิธานสู่พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ นั่นหมายความว่าพวกเขาตั้งใจจะเป็นผู้รู้แจ้งเช่นพระอวโลกิเตศวร เพื่อช่วยให้ผู้คนมากมายพ้นจากห้วงทุกข์”

เมื่อได้ยินข่าวนี้ ทุกคนในที่ประชุมต่างปลื้มปีติยินดี บางคนร้องไห้ด้วยความดีใจ บางคนลุกขึ้นโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น บรรยากาศทั้งหมดเต็มไปด้วยความสุขและความกตัญญู ทุกคนต่างรู้สึกลึกซึ้งว่า การฟังพระพุทธเจ้าแสดงถึงบุญกุศลของพระอวโลกิเตศวรนั้น ไม่เพียงทำให้พวกเขาได้รับปัญญา แต่ยังปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งการตรัสรู้ในจิตใจของพวกเขาด้วย

พระพุทธเจ้าทรงทอดพระเนตรดูผู้คนด้วยความเมตตา ทรงทราบว่าการแสดงธรรมครั้งนี้ได้บรรลุผลสูงสุดแล้ว พระองค์ทรงเตรียมจะปิดการประชุมธรรมอันประเสริฐนี้ พร้อมทั้งทรงหวังว่าจะมีผู้คนมากขึ้นที่จะเข้าใจและเข้าใกล้พระอวโลกิเตศวรผู้ทรงไว้ซึ่งพระมหากรุณาธิคุณ

Reference

All rights reserved,未經允許不得隨意轉載
ถูกสร้างด้วย Hugo
ธีม Stack ออกแบบโดย Jimmy